ธรรมชาติของภาษา
คนมีอวัยวะที่ใช้ในการออกเสียงและการฟังเสียงเป็นปกติ การเป็นสมาชิกของสังคมหนึ่งต้องพูดภาษาอย่างน้อยหนึ่งภาษา แม้แต่ผู้ที่มีอวัยวะในการพูดและการฟังบกพร่องก็ยังคิดภาษามือขึ้นเพื่อสื่อสารระหว่างกัน ลองนึกดูว่าตั้งแต่เช้าจนเข้านอน เราใช้ภาษาอะไรบ้างในแต่ละวัน ดูเหมือนแทบจะไม่มีกิจกรรมใดในสังคมที่เราทำได้โดยไม่อาศัยภาษา ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ไปอยู่ในสังคมที่พูดภาษาอื่นทำให้ไม่สามารถสื่อสารระหว่างกันได้ คงจะทราบดีว่ารู้สึกอึดอัดเพียงใด หากปราศจากภาษา เราอาจใช้การแสดงท่าทางเพื่อสื่อความบางอย่าง เช่น สั่งอาหารหรือถามเส้นทาง แต่กว่า จะเข้าใจกันได้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนกิจกรรมที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น การบอกเล่าเรื่องราว หรือการแสดงความคิดเห็น ฯลฯ ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
นักภาษาศาสตร์กล่าวไว้ว่า ความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมนั้นเป็นสิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากสัตว์อื่น ๆ และเมื่อพูดถึงธรรมชาติของภาษามนุษย์ ประเด็นที่ทุกคนจะต้องกล่าวถึงก็คือ ภาษาประกอบด้วยเสียงและความหมาย มาถึงตรงนี้ผู้ที่เคยได้ยินเรื่องการสื่อสารของสัตว์อาจมีคำถามว่า ภาษามนุษย์ต่างไปจากการสื่อสารของสัตว์อย่างไร
สัตว์บางชนิดไม่ได้ใช้เสียงแต่ใช้สิ่งอื่น ๆ ในการสื่อสาร เช่น กลิ่น สารเคมีที่ปล่อยออกมาจากร่างกาย สี แสง ท่าทาง ฯลฯ ตัวอย่างเช่น สุนัขตัวผู้ปัสสาวะไว้ตามที่ต่าง ๆ เพื่อบอกอาณาเขตของตน ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่สามารถพบได้ในมนุษย์
ลักษณะของภาษา
นักภาษาศาสตร์ประมาณว่า ภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารกันในปัจจุบันมีจำนวนตั้งแต่ ๔, ๐๐๐ ถึง ๘,๐๐๐ ภาษา ภาษาเหล่านี้มีลักษณะพอสรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้พูดภาษาเป็นได้ทั้งผู้ส่งสารและรับสาร
๒. ความสัมพันธ์ระหว่างเสียงและความหมายเป็นสิ่งที่ตกลงกันในแต่ละภาษา
๓. มนุษย์ใช้ภาษาเพื่อบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาหรือสถานที่อื่น ๆ ได้
๔. มนุษย์สามารถสร้างและเข้าใจประโยคที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเพื่อสื่อเรื่องใดก็ได้ตลอดเวลา
๕. หน่วยในภาษามนุษย์ประกอบกันเป็นหน่วยที่ใหญ่ขึ้น
๖. มนุษย์ใช้ภาษาพูดไร้สาระหรือพูดสิ่งที่เป็นเท็จได้
๗. มนุษย์เรียนรู้ภาษาอื่น ๆ นอกจากภาษาของตนได้
๘. มนุษย์ใช้ภาษาในการวิจารณ์ระบบการสื่อสารของตนเอง
จะเห็นได้ว่าภาษามนุษย์มีความพิเศษกว่าระบบการสื่อสารของสัตว์ชนิดอื่น ๆ และมนุษย์ใช้ภาษาเพื่อทำกิจกรรมแทบจะทุกอย่างในสังคม เนื่องจากภาษาเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งต่อการดำเนินชีวิต เราจึงควรฝึกฝนให้สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น เราก็น่าจะเข้าใจธรรมชาติของเครื่องมือนี้ด้วย
ที่มา : http://www.pasathai.8m.net
แบบทดสอบเรื่อง ธรรมชาติของภาษา
ชื่อ ____________ นามสกุล ______________ เลขที่ _____ ชั้น _____
ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย Ï ทับตัวอักษรหน้าคำตอบที่ถูกต้อง
๑. สัตว์ชนิดใดตั้งชื่อจากการเลียนเสียงธรรมชาติ
ก. นก ข. เสือ
ค. ตุ๊กแก ง. ควาย
๒. ข้อใดไม่ได้เกิดจากการกร่อนเสียง
ก. หมากพร้าว ข. หมากม่วง
ค. สายดือ ง. สายใจ
๓. ข้อใดไม่ใช่คำที่มาจากภาษาอังกฤษ
ก. รถจิ๊ป ข. รถตุ๊ก ๆ
ค. รถแบ็คโฮ ง. รถมอเตอร์ไซด์
๔. ข้อใดมีความหมายแคบ
ก. เครื่องครัว ข. เครื่องจักร
ค. เครื่องยนต์ ง. เครื่องซักผ้า
๕. นักเรียนส่งข้อความทางโทรศัพท์ถึงเพื่อนงานวันเกิด ข้อใดเป็นสาร
ก. นักเรียน ข. ข้อความ
ค. โทรศัพท์ ง. เพื่อน
๖. คำว่า น้ำ อ่านว่า น้าม แสดงว่ามีการเปลี่ยนแปลงภาษาในด้านใด
ก. คำ ข. เสียง
ค. ความหมาย ง. สำนวน
๗. ข้อใดเรียงลำดับของประโยคจากประธานขยายประธาน กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกริยา
ก. รถยนต์สีขาว ชนรถกระบะสีดำพังยับเยิน
ข. นักเรียนบำเพ็ญประโยชน์ในวันสิ่งแวดล้อม
ค. ครูประจำชั้นนำนักเรียนไปทัศนศึกษา
ง. ภารโรงช่วยดูแลความสะอาดของโรงเรียน
๘. ข้อใดเป็นวัจนภาษา
ก. ตำรวจจราจรโบกมือห้ามรถ
ข. กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน
ค. นักเรียนร้องเพลงประกวดในวันแม่
ง. คนรักมอบดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์
๙. ข้อใดเป็นอวัจนภาษา
ก. นักเรียนฟังครูอธิบาย
ข. ทุกบ้านมีภาพในหลวงไว้บูชา
ค. คุณยายอวยพรให้หลาน ๆ มีสุขภาพแข็งแรง
ง. คุณพ่อชอบอ่านข่าวหนังสือพิมพ์
๑๐. ข้อใดคือสิ่งที่ทำให้ภาษามีลักษณะต่างกัน
ก. ใช้เสียงสื่อความหมาย
ข. มีวิธีการสร้างศัพท์ขึ้นใหม่
ค. มีโครงสร้างไวยากรณ์ที่ต่างกัน
ง. มีการเปลี่ยนแปลงตามสิ่งแวดล้อม
เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) เรื่อง ธรรมชาติของภาษา
๑. ค ๒. ง ๓. ข ๔. ง ๕. ข
๖. ข ๗. ก ๘. ค ๙. ข ๑๐. ง